tag:blogger.com,1999:blog-24761036566018121822024-03-05T11:04:50.561-08:00งานวิจัย สุขศึกษาและพลศึกษาPattanasakhttp://www.blogger.com/profile/00321967754956317041noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-2476103656601812182.post-26725438914469151152016-03-03T09:07:00.004-08:002016-03-03T09:07:38.257-08:00<a href="https://drive.google.com/drive/folders/0B4Bf-F8Q3xAMVFBnMEZnUmZ1Nlk">https://drive.google.com/drive/folders/0B4Bf-F8Q3xAMVFBnMEZnUmZ1Nlk</a>Pattanasakhttp://www.blogger.com/profile/00321967754956317041noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2476103656601812182.post-80193690599387832132012-08-23T08:07:00.000-07:002012-08-23T08:07:37.427-07:00<br />
งานวิจัยในชั้นเรียน<br />
การใช้แบบฝึกซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
_______________________________________________________<br />
โดย<br />
มิสชาณิดา มหาพรม<br />
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา<br />
ช่วงชั้นที่2<br />
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1<br />
โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี<br />
ปีการศึกษา 2552<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
_________________________________________________________<br />
<br />
บทที่ 1<br />
บทนำ<br />
<br />
ความเป็นมาและความสำคัญของงานวิจัย<br />
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาพลศึกษา (บาสเกตบอล) ช่วงชั้นที่2 โดยเฉพาะเรื่อง<br />
ทักษะพื้นฐานในการรับและส่งลูกบาสเกตบอล ผู้ศึกษาพบว่านักเรียนที่สอนส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักเรียน<br />
หญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ชมรมบาสเกตบอล จำนวน 10 คน ไม่สามารถปฏิบัติได้และเรียนรู้ได้ช้ากว่า<br />
นักเรียนคนอื่น ๆ ขาดทักษะกระบวนการในการคิดรวบยอด ไม่เข้าใจความหมายและวิธีการต่าง ๆ ที่เป็น<br />
พื้นฐานในการเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะพื้นฐานในการรับและส่งลูกบาสเกตบอล ได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใน<br />
แต่ละครั้งมักได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดและถ้าไม่เร่งแก้ไขโดยด่วนจะมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ใน<br />
เนื้อหาอื่น ซึ่งจะต้องอาศัยการเชื่อมโยงจากความรู้เดิมเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้เนื้อหาใหม่ และนำไปสู่การ<br />
เรียนรู้ในระดับชั้นที่สูงขึ้น<br />
<br />
วัตถุประสงค์ของการวิจัย<br />
1. เพื่อพัฒนาแผนการเรียนทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอลที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์<br />
2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริม<br />
<br />
ทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
ตัวแปรที่ศึกษา<br />
ตัวแปรต้น<br />
นักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ชมรมบาสเกตบอล จำนวน 10 คน<br />
ตัวแปรตาม<br />
1. แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับ<br />
และส่งลูกบาสเกตบอล<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
3. กรอบแนวคิดในการวิจัย<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjJoVl2ZdAFhfBo9BIkTh_4dqCXJnHMO1azJaDqrVzygaDDlt5DN5mXWApj5j228cZl6dVqFPShWzdxTcB27zxDLTwHF_R1DVap3XtgL-715hBqBuc8BAnEKubhLMOENBlsw3uZULq-noc/s1600/fd.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjJoVl2ZdAFhfBo9BIkTh_4dqCXJnHMO1azJaDqrVzygaDDlt5DN5mXWApj5j228cZl6dVqFPShWzdxTcB27zxDLTwHF_R1DVap3XtgL-715hBqBuc8BAnEKubhLMOENBlsw3uZULq-noc/s320/fd.png" width="251" /></a></div>
<br />
<br />
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้<br />
1. ทราบผลของการฝึกโดยใช้แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
2. ทราบรูปแบบการฝึกที่เหมาะสมสำหรับนักเรียน เพื่อพัฒนาทักษะเบื้องต้นในกีฬา<br />
บาสเกตบอล อันเป็นทักษะสำคัญที่จะพัฒนาการเล่นในระดับที่สูงขึ้นต่อไป<br />
3. นักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท1ี่ ชมรมบาสเกตบอลของโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีมี<br />
ทักษะเบื้องต้นในกีฬาบาสเกตบอล<br />
4. นักเรียนสามารถนำทักษะนี้ไปใช้ร่วมกับทักษะอื่นในการเล่นได้<br />
5. เพื่อทราบจุดบกพร่องของแบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล ที่จะ<br />
สามารถปรับปรุงแบบฝึกในการที่จะนำไปใช้ต่อไป<br />
<br />
แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
-การส่งลูกสองมือระดับอก -การรับลูกสองมือระดับอก<br />
-การส่งลูกสองมือเหนือศีรษะ -การรับลูกสองมือเหนือศีรษะ<br />
-การส่งลูกกระดอนแบบสองมือ -การรับลูกแบบกระดอน<br />
-การส่งลูกมือเดียวแบบกระดอน<br />
-การส่งลูกมือเดียวเหนือศีรษะ<br />
<br />
เกณฑ์การประเมิน<br />
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบฝึก เพื่อซ่อม<br />
เสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
<br />
<br />
บทที่2<br />
วิธีการดำเนินการวิจัย<br />
ขอบเขตของการวิจัย<br />
<br />
1. กลุ่มเป้าหมาย<br />
นักเรียนหญิง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ชมรมบาสเกตบอล ปีการศึกษา 2552 โรงเรียน<br />
อัสสัมชัญธนบุรีที่มีทักษะพื้นฐานในการรับและส่งลูกบาสเกตบอล ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน<br />
10 คน<br />
2. ตัวแปรต้น<br />
นักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ชมรมบาสเกตบอล จำนวน 10 คน<br />
3. ตัวแปรตาม<br />
1. แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบฝึกเพื่อซ่อมเสริมทักษะการรับ<br />
และส่งลูกบาสเกตบอล<br />
<br />
วิธีการดำเนินการวิจัย<br />
ระยะเวลาในการดำเนินงาน<br />
13 พฤศจิกายน 2552 – 19 กุมภาพันธ์2553<br />
<br />
ขั้นตอนการดำเนินงาน<br />
1. คัดเฉพาะนักเรียนที่มีทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน<br />
2. ฝึกทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล หลังจากคาบกิจกรรมชมรม จำนวนทั้งหมด 13 ครั้ง โดย<br />
เรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ระยะเวลา 40 นาที<br />
3. ทดสอบการฝึกทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอลหลังจากคาบกิจกรรมชมรม (สัปดาห์ที่13)<br />
4. สรุปผลการวิจัย (สัปดาห์ที่14)<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
<br />
ตารางการดำเนินการวิจัย<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfLg3oy5pcTQmsRBQ58tq95iNkLQS0Cg3dNWwb55Gsuby4RyTPPA4JkPaTnHtnZsnyFOgRzkESNYpiPq1ZkAyy3mWGhK3XuTijpTSiGrr2E83aqlmg542xJNJ-EwJ7UPLx4l6E2f0VGxE/s1600/lkdl.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="307" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfLg3oy5pcTQmsRBQ58tq95iNkLQS0Cg3dNWwb55Gsuby4RyTPPA4JkPaTnHtnZsnyFOgRzkESNYpiPq1ZkAyy3mWGhK3XuTijpTSiGrr2E83aqlmg542xJNJ-EwJ7UPLx4l6E2f0VGxE/s320/lkdl.png" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย<br />
1. แบบฝึกทักษะที่สร้างขึ้นเพื่อสังเกตพฤติกรรมและการสอบปฏิบัติการฝึกทักษะการรับรับ-ส่งลูก<br />
บาสเกตบอล<br />
2. แบบประเมินเจตคติของนักเรียนที่มีต่อครูผู้สอนวิชาบาสเกตบอล<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
<br />
<br />
บทที่ 3<br />
ผลการวิจัย<br />
<br />
สถิติที่ใช้ในการวิจัย<br />
1. การหาค่าเฉลี่ย (X)<br />
2. การหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)<br />
3. สถิติT-Test<br />
<br />
การวิเคราะห์ข้อมูล<br />
จากการศึกษาวิจัยในชั้นเรียนได้ศึกษาในกลุ่มนักเรียนหญิง ชมรมบาสเกตบอล ระดับชั้น<br />
มัธยมศึกษาปีที่1 ภาคเรียนที่2/2552 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีที่มีทักษะการรับ-ส่ง บาสเกตบอล ต่ำกว่า<br />
เกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 10 คน ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาด้านทักษะการรับ-ส่ง บาสเกตบอลของนักเรียน<br />
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ที่มีทักษะการรับ-ส่ง บาสเกตบอล ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ก่อน และหลังการฝึก มีความ<br />
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในรายการ 1.การส่งลูกสองมือระดับอก 2.การส่งลูกสอง<br />
มือเหนือศีรษะ 3.การส่งลูกกระดอนแบบสองมือ 4.การส่งลูกมือเดียวแบบกระดอน 5.การส่งลูกมือเดียว<br />
เหนือศีรษะ 6.การรับลูกสองมือระดับอก 7.การรับลูกสองมือเหนือศีรษะ 8.การรับลูกสองมือแบบกระดอน<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
<br />
แบบทดสอบการใช้แบบฝึกซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอล<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0zvZtY2XjbdX5TywDXjQ3fwwFEifKR7P84mdYbt5AS7nP5aTRY0mqn7KCq1VdkacBs4qXPvocty1YRXcbbqNg6pflFZFlqWo2_wM4qEqA1Fn9nD9l3Yv9-QSOABYl7y_tHJZlGtl3VJ8/s1600/%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88sd.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="255" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0zvZtY2XjbdX5TywDXjQ3fwwFEifKR7P84mdYbt5AS7nP5aTRY0mqn7KCq1VdkacBs4qXPvocty1YRXcbbqNg6pflFZFlqWo2_wM4qEqA1Fn9nD9l3Yv9-QSOABYl7y_tHJZlGtl3VJ8/s320/%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88sd.png" width="320" /></a></div>
<br />
จำนวนครั้ง/30 วินาที คะแนน<br />
1-10 ต่ำ<br />
11-20 ปานกลาง<br />
21-29 ดี<br />
30 ขึ้นไป ดีมาก<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.com<br />
<br />
<br />
บทที่ 4<br />
สรุปผลการวิจัย<br />
จากผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้<br />
จากการศึกษาวิจัยจะเห็นได้ว่านักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ที่มีทักษะการรับ-ส่ง<br />
บาสเกตบอลต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 10 คน หลังจากฝึกทักษะการรรับ-ส่ง บาสเกตบอล นักเรียนมี<br />
การพัฒนาทักษะการรับ-ส่ง บาสเกตบอลที่ดีขึ้น จำนวน 10 คน สามารถพัฒนาทักษะการรับ-ส่ง<br />
บาสเกตบอล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05<br />
<br />
ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย<br />
1. ควรนำแบบฝึกซ่อมเสริมทักษะการรับและส่งลูกบาสเกตบอลไปฝึกให้นักเรียนกลุ่มที่สนใจ<br />
เช่นการเรียนการสอนบาสเกตบอลในระดับชั้นอื่นๆ นักกีฬาบาสเกตบอลเป็นต้น<br />
2. ควรมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักวิจัยกับครูพลศึกษาเพื่อหาแนวทางการพัฒนา<br />
การวิจัยในชั้นเรียนทางพลศึกษา<br />
3. ควรนำเครื่องมือ นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้และพัฒนารูปแบบการสอนทาง<br />
พลศึกษา และงานวิจัย<br />
PDF created with pdfFactory Pro trial version www.pdffactory.comPattanasakhttp://www.blogger.com/profile/00321967754956317041noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2476103656601812182.post-37535125400904293342012-08-23T02:50:00.005-07:002012-08-23T02:50:40.288-07:00<br />
งานวิจัยชั้นเรียน วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา รหัสวิชา พ11101 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2554<br />
โดยมาสเตอร์จงดี สินบูรพา รหัสประจำตัว 10412<br />
เรื่อง ปัญหาภาวะโรคอ้วนในเด็กประถมศึกษาปีที่1 /3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี<br />
___________________________________________________________________________<br />
สภาพของปัญหา<br />
การบริโภคอาหารมื้อหลักของคนเราจำเป็นต้องบริโภคให้ครบทั้ง 3 มื้อ และสมดุลกันระหว่างอาหารทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะวัยเด็กที่ต้องการพลังงานและสารอาหารในการเจริญเติบโต อาหารว่างและขนมจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เป็นส่วนเสริมให้เด็กได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามปัจจุบันอาหารว่างและขนมส่วนใหญ่มักมีแป้ง น้ำตาล และไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งให้เพียงพลังงาน แต่มีสารอาหารอื่นที่จำเป็นค่อนข้างน้อย จึงอาจส่งผลต่อภาวะโภชนาการและการเจริญเติบโตของเด็กได้<br />
<br />
วัตถุประสงค์ในการวิจัย<br />
เพื่อแก้ปัญหาภาวะโรคอ้วนในเด็กประถมศึกษาปีที่ 1/3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี<br />
จากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูง ทำให้รู้ถึงเด็กที่มีภาวะโรคอ้วน 2 คน คือ ด.ช.ณัฐธเดชน์ แหงมงาม และ ด.ช.วัฒนา บัณฑิตย์นพรัตน์ ชั้นป.1/3 ที่มีภาวะโรคอ้วน คือน้ำนักมากเกินมาตรฐานที่กำหนด จากปัญหาเหล่านี้จึงทำให้เด็กนักเรียนประถมศีกษาปีที่ 1/3 มีภาวะโรคอ้วน ผู้วิจัยจึงนำเด็กทั้ง 2 คนนี้มาทำการลดไขมันส่วนที่เกินออก เพื่อให้มีร่างกายที่สมส่วน โดยการให้เด็กทั้ง 2 คนนี้ ออกกำลังกาย ด้วยการวิ่ง กระโดดตบ ซิทอัพในช่วงเวลาพักกลางวันทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน ปรากฏว่าน้ำหนักทั้ง 2 จาก46 กิโลกรัม ลดเหลือ 43<br />
กิโลกรัม และอีกคนจาก 48 กิโลกรัม ลดเหลือ 45 กิโลกรัม ซึ่งจากการนำเด็กทั้ง2 คนนี้มาทำการออกกำลังกาย ภายในเดือนเดียว สามารถลดน้ำหนักได้ถึงคนละ 3 กิโลกรัม และถ้าสามารถทำได้เป็นประจำต่อเนื่อง ปัญหาภาวะโรคอ้วนของเด็กทั้ง 2 คนนี้ก็จะหายไป และกลับมาเป็นเด็กที่มีน้ำหนักตัวสมส่วน และสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนปกติได้<br />
<br />
ประโยชน์ที่จะได้รับ<br />
1.ได้ทราบปัญหาของเด็กนักเรียนที่มีภาวะโรคอ้วนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 /3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี<br />
2.นำปัญหานี้มาใช้แก้ไข และพัฒนาเด็กที่มีภาวะโรคอ้วน ให้มีรูปร่างสมส่วนต่อไป และมีสุขภาพกาย และใจที่สมบูรณ์ต่อไปในวันข้างหน้า<br />
<br />
วิธีการดำเนินการวิจัย<br />
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการนำผลจากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย และการชั่งน้ำหนักส่วนสูง มาใช้ทำวิจัยในครั้งนี้<br />
<br />
กลุ่มประชากร<br />
กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 จำนวน 2 คนที่ผลจากการทดสอบสมรรถภาพทางกายในปี 2554 นี้ ผลสรุปว่ามีภาวะโรคอ้วน และควรที่จะนำมาเพื่อแก้ปัญหาในการออกกำลังกายตามกำหนดเวลา 1 เดือน<br />
<br />
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย<br />
1.การวิ่ง 30 เมตรไปกลับวันละ 10 รอบ<br />
2.กระโดดตบ วันละ 100 ครั้ง<br />
3. ซิทอัพวันละ 10 -20 ครั้ง<br />
<br />
การเก็บข้อมูล<br />
ในการเก็บข้อมูล วิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้เวลาช่วงพักกลางวัน ของวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เป็นระยะเวลา 1 เดือน<br />
คนที่มีภาวะอ้วน คือผู้ที่มีไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพในอัตราส่วนที่สูงในร่างกาย วิธีการวัดภาวะโรคอ้วนโดยมากจะคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง ที่เรียกว่า "ดัชนีมวลกาย<br />
หรือ body mass index (BMI)"<br />
ค่า BMI คืออัตราส่วนระหว่าง<br />
นอกจากนี้ค่า BMI ยังแสดงถึงภาวะอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกินได้แม่ยำกว่าการประเมินจากน้ำหนักอย่างเดียว แนวทางการประเมินค่า BMI ในผู้ที่มีอายุมากกว่า<br />
หรือเท่ากับ 20 ปี มีดังนี้<br />
<18.5<br />
ผอม (underweight)<br />
18.5-24.9<br />
สมส่วน (healthy)<br />
25-29.9<br />
น้ำหนักเกิน (overweight)<br />
>30<br />
ภาวะอ้วน (obese)<br />
แผนภูมิแสดงการวัดค่า BMI จากน้ำหนักและส่วนสูงในผู้ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 20 ปี<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvwTC26SYM5E1TyyAsgpmifsfBemeBe56YMEiGioH-GPR72Xc36OhyUXqZQKi3wyVj8gZUfMh_-0GiQcySnJ-7G-Fi8c6v6VX5El363SLvGh8DR_Coq-t7nIx_w4ZRSoMUOv7XW7JicCc/s1600/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E1.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="243" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvwTC26SYM5E1TyyAsgpmifsfBemeBe56YMEiGioH-GPR72Xc36OhyUXqZQKi3wyVj8gZUfMh_-0GiQcySnJ-7G-Fi8c6v6VX5El363SLvGh8DR_Coq-t7nIx_w4ZRSoMUOv7XW7JicCc/s320/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E1.png" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รูปร่างสมส่วนแล้ว ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ มากขึ้น ได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง,<br />
โรคหัวใจหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังทำให้อายุขัยสั้นลงด้วย<br />
<br />
สรุปผลและข้อเสนอแนะ<br />
“จากการศึกษาพบว่ากลุ่มเป้าหมายการวิจัยคือเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 มีพฤติกรรมทางโภชนาการที่น่าเป็นห่วง คือ นิยมบริโภคขนมซองที่มีแป้งและไขมันปริมาณมาก โดยบริโภคเฉลี่ยวันละ 3-4 ครั้ง ส่วนเครื่องดื่มที่นิยมบริโภคมากที่สุด คือ น้ำอัดลม<br />
โดยเฉลี่ยเด็กได้รับพลังงานจากขนมและอาหารว่างประมาณ 495 กิโลแคลอรี หรือเทียบเท่าร้อยละ 30 ของพลังงานที่ต้องการต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินนี้เป็นไขมันได้”<br />
<br />
ดังนั้นการมีภาวะโภชนาการที่ดีและถูกต้อง นอกจากผู้ปกครองจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้ดีแล้ว กุมารแพทย์หรือนักโภชนาการเองก็จะต้องมีการรณรงค์ให้ความรู้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกชนิดและปริมาณอาหารว่างและขนมอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ก็ควรเน้นเรื่องอาหารหลักที่รับประทาน การปรับกิจวัตรประจำวันและการออกกำลังกายให้เหมาะสมควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เด็กมีภาวะโภชนาการที่ดี หลีกเลี่ยงโรคอ้วนหรือภาวะผอมซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการต่อไปนั่นเอง<br />
Pattanasakhttp://www.blogger.com/profile/00321967754956317041noreply@blogger.com0